เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๖ ต.ค. ๒๕๕๙

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมเนาะ วันนี้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเพราะวันนี้เป็นวันพระใหญ่วันพระใหญ่นี้จะเป็นวันออกพรรษา ผู้ที่ตั้งใจในพรรษาผู้ที่ตั้งใจในพรรษางดเหล้าอดบุหรี่ยังทำต่อเนื่องไปได้นะออกพรรษาแล้วก็ทำได้

แล้ววันเข้าพรรษา วันนี้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันนี้วันพระเป็นพระใหญ่ เรามาทำบุญกุศลกันบุญกุศลมันคืออะไร ที่เราแสวงหา เราแสวงหาอะไรเราแสวงหาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นกษัตริย์นะ สร้างสมบุญญาธิการมา เสียสละๆ มา ไปเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ในราชวังน่ะ "เราต้องเป็นเช่นนั้นหรือเราต้องเป็นเช่นนั้นหรือ" เป็นกษัตริย์ เพราะเป็นกษัตริย์ไงความเป็นกษัตริย์มีสถานะสูงที่สุดในทางโลก แต่ถ้ามีสถานะสูงสุดทางโลกเขาว่าเป็นความสุขๆว่าความสุขถ้าเรามองกันผิวเผินไง แต่หน้าที่รับผิดชอบความเป็นหน้าที่รับผิดชอบ ท่านเสียสละสิ่งนั้นมา เสียสละสิ่งนั้นมา ท่านพยายามแสวงหาของท่าน แสวงหาของท่าน แสวงหาโมกขธรรมแสวงหาความสุขจริงๆ น่ะ

ความสุขที่ทางโลกเขาว่ากันว่าเป็นความสุขๆ ที่เขาแสวงหากันนั่นน่ะ ความสุขอย่างนั้นมันเป็นผลของวัฏฏะมันเป็นความสุขในกรงขังไงเป็นความสุขในกรงขัง เป็นความสุขในความรู้สึกของคนไง รูป เวทนาสัญญา สังขารวิญญาณคือความรู้สึกนึกคิดไง มันมีความสุขความสบายในความรู้สึกนึกคิดของคน มันไม่ใช่วิมุตติสุขไง มันไม่ใช่ความสุขจริงไง ความสุขในกรงขังคือความสุขในความรู้สึกนึกคิด ถ้าความรู้สึกนึกคิดอย่างนั้น ความสุขความทุกข์เราแสวงหากันอย่างนั้น

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะแสวงหาความจริงๆ ออกแสวงหาโมกขธรรม ประพฤติปฏิบัติอยู่ ๖ ปีเวลาท่านบรรลุธรรมๆ บรรลุธรรมในหัวใจของท่าน เวลาบรรลุธรรมในหัวใจของท่านความสุขทางโลกๆ ความสุขในกรงขังกรงขังคือความรู้สึกนึกคิด เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมตรัสรู้ธรรมในหัวใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วิมุตติสุขๆมันทำไมไม่ใช่กรงขังล่ะ

มันไม่ใช่กรงขังเพราะมันไม่ใช่ความรู้สึกนึกคิด ความรู้สึกนึกคิด รูปเวทนา สัญญาสังขาร วิญญาณความรู้สึกอารมณ์นี้มันเป็นความรู้สึกนึกคิด อารมณ์มันเป็นเปลือกส้ม มันห่อหุ้มผลส้มนั้นไว้ ขันธ์ ๕มันห่อหุ้มผลส้มนั้นไว้ แล้วขันธ์๕ ขันธ์ที่เป็นทุกข์เป็นยากเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมามันไม่ใช่ขันธมารไง มันเป็นวิบากของขันธ์ คำว่า"วิบากของขันธ์" คือพระอรหันต์แต่ละองค์มีจริตนิสัยแตกต่างกัน

วิบากของขันธ์ วิบากคือความเคยชินวิบากคือเปลือกรูปร่างอย่างไรผลส้มชนิดใดผลส้มพันธุ์ใดไงเปลือกมันไม่เหมือนกันๆ ไง แต่มันก็เปลือกส้มเหมือนกันไง ถ้าเปลือกส้มเหมือนกัน เห็นไหม เวลาความสุขความจริงความสุขในวิมุตติสุขนั้นมันเป็นวิมุตติสุขที่เนื้อของส้มนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสวงหาสิ่งนั้น

นี่พูดถึงว่าวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เรามาทำบุญกุศลกันเพื่อให้เรามีสติปัญญา สติปัญญาของเรามันจะย้อนกลับไป ย้อนกลับไปให้รู้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดของเรานั่นจะเป็นการปฏิบัติในพระพุทธศาสนา

แต่เวลาทำบุญกุศลแบบนี้ เรามาเสียสละทานแบบนี้ มันเป็นผลของวัฏฏะ เขาเรียกว่าเป็นอามิสๆไง สุขเกิดจากอามิส สุขเกิดจากการได้เสพสุขเกิดจากการที่มีคนยกย่องสรรเสริญ สุขจากคนยกตูดสุขแบบนี้สุขแบบโลกๆ ไงแต่สุขแบบนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้ๆ

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒๐๐๐ กว่าปีนะ ๒๐๐๐ กว่าปียังทนต่อความตรวจสอบ ทนต่อความพิสูจน์ ถ้าใครพิสูจน์ แล้วพิสูจน์ที่ไหน ใครพิสูจน์ ก็พิสูจน์ในใจของตน ถ้าใครพิสูจน์ในใจของตนนั่นคือการปฏิบัติธรรม ถ้าการปฏิบัติธรรมมันจะเป็นสัจจะความจริง

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒๐๐๐ กว่าปี ๒๐๐๐ กว่าปี ปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ แล้วมันธรรมดาในโลก ประเพณีวัฒนธรรม ความเชื่อของคนมันก็แล้วแต่ความเชื่อของคน ใครมีอำนาจก็แยกเป็นก๊กเป็นเหล่ากันไป มันก็เสื่อมสภาพไป กึ่งพุทธกาลๆ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านมารื้อค้นของท่าน รื้อค้นของท่านๆ รื้อค้นของท่านรื้อค้นที่ไหน ก็รื้อค้นในหัวใจของท่านไง

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วางธรรมวินัยนี้ไว้เป็นทฤษฎี ทฤษฎีแล้วมันก็เลือนรางกันไปบ้างเลือนรางไปเลือนรางที่ไหนเลือนรางในทิฏฐิมานะของตนไง ความรู้ความเห็นของตนไง ทุกคนก็ว่าเป็นนักปราชญ์ไง ทุกคนก็ว่ามีสติปัญญาไง ก็เอาความเห็นของตนบวกเข้าไปมันก็เลยยิ่งเป็นสัทธรรมปฏิรูปนั่นน่ะ คือมันห่างไปเรื่อยๆ ไง

แต่เวลาครูบาอาจารย์จะทำ ไปทำที่ไหน หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านธุดงค์ของท่าน อยู่ในป่าในเขาของท่านท่านทำของท่านขึ้นมา ท่านจะค้นคว้าในใจของท่านไง นี่ก็เหมือนกัน เราก็มีของเรา เราก็มีหัวใจของเราเหมือนกัน ที่เรามาวัดมาวา เราก็มาสร้างอำนาจวาสนาบารมีของเราให้มันฉุกคิดสามัญสำนึกสำนึกได้ สำนึกว่าความสุขมันอยู่ที่ไหน สำนึกว่าความจริงมันอยู่ที่ไหน เราจะหาความจริงกันๆ

เราไปวัดไปวา ครูบาอาจารย์ท่านบอก "เศรษฐีธรรมๆ" เราไปดูความเป็นเศรษฐีธรรมของคนอื่นไง เรามั่นใจในครูบาอาจารย์ของเราเราก็ไปดูเศรษฐีธรรม ธรรมในใจของท่านธรรมในใจของท่านไง แต่ธรรมในใจของเราล่ะถ้าธรรมในใจของเรา เราต้องประพฤติปฏิบัติเอา

นี่พูดถึงว่าธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒๐๐๐ กว่าปียังคงทนต่อการพิสูจน์นะ พระศรีอริยเมตไตรยจากอนาคตกาลก็จะมาตรัสรู้ธรรมอันนี้ไง ธรรมอันนี้มันธรรมอะไร ธรรมในการประพฤติปฏิบัติ ถ้าเป็นความจริงๆ นะ ๒๐๐๐ กว่าปียังคงทนต่อการพิสูจน์ไง เวลาพิสูจน์ขึ้นมา ผู้ที่มีอำนาจวาสนาบารมีนะ คนเราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เวลาเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เวลาเกิดเป็นมนุษย์มีบุญกุศล แล้วเกิดมาร่วมวาสนากับกษัตริย์ กับในหลวงของเรา แล้วในหลวงของเรา ทั้งชีวิตของท่านๆ ท่านก็เป็นชาวพุทธ เป็นกษัตริย์ที่ได้ออกประพฤติปฏิบัติ เป็นกษัตริย์ที่ได้บวชเรียน พอบวชเรียนขึ้นมา ด้วยคุณธรรมของท่าน ด้วยธรรมะในใจของท่าน ท่านพิจารณาของท่าน แล้วท่านให้เราเศรษฐกิจพอเพียงๆ ให้พอเพียงในของเรา

อันนี้๒๐๐๐ กว่าปีคงทนต่อการพิสูจน์ เวลาพิสูจน์แล้วมีผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งมาเกิดเป็นกษัตริย์ พอเกิดเป็นกษัตริย์ขึ้นมาแล้วพยายามจะค้นคว้า ค้นคว้าของเราแล้วพยายามจะให้ชาวพุทธได้เข้าไปพิสูจน์ๆ ไง

เศรษฐกิจพอเพียง มันพอเพียงที่ไหนล่ะถ้ามันจะพอเพียง มันพอเพียงในพระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันก็เป็นการประหยัดมัธยัสถ์เป็นการสันโดษมักน้อยสันโดษต่างๆ

การมักน้อยสันโดษเศรษฐกิจพอเพียง เราพอเพียงก็ต้องงอมืองอเท้าใช่ไหม พอเพียงก็ต้องรอให้คนอื่นมาอุ้มใช่ไหม...ไม่ใช่ พอเพียงๆ คือขยันหมั่นเพียรไงความขยันหมั่นเพียร คนที่ทุกข์ที่ยากขึ้นมามันก็มีเศรษฐกิจของเขา เขาทำระบบของเขาให้เขามีอยู่มีกินของเขา เศรษฐีมหาเศรษฐีทำเศรษฐกิจพอเพียง พอเพียงก็เป็นธรรมไง

เป็นธรรมดูสิ ถ้ามันเป็นประหยัดมัธยัสถ์มันก็เรื่องสุขภาพ เรื่องบุญกุศลในใจของตน ถ้ามันพอเพียงๆ คำว่า"พอเพียง" คือไม่เอารัดเอาเปรียบ พอเพียงมันเป็นธรรมไงไม่ใช่หน้าเลือดขูดรีด อันนั้นน่ะไม่พอเพียง ถ้ามันพอเพียง คนที่เป็นธรรมๆเป็นประโยชน์ นี่ท่านพยายามทำความเสมอภาคๆ

นี่พูดถึงว่า ๒๐๐๐ กว่าปี ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังคงทนต่อการพิสูจน์ นี่ไง ในหลวงของเราปกครองในประเทศชาตินี้ ท่านพยายามเสนอทฤษฎีของเรา เสนอความเสมอภาค ถ้าความเสมอภาค ความเสมอภาคมันจะทำได้มันก็ต้องคนที่มีจิตใจเป็นธรรม จิตใจที่เป็นธรรมมันเห็นไง

บอกว่าถ้าเศรษฐกิจพอเพียงๆ ดูสิ หมอดินต่างๆ เขาก็มีการดำรงชีพของเขา เขายังเผยแผ่ของเขาเขายังชักนำของเขา เขาเป็นตัวอย่างไงตัวอย่างว่าถ้าทำมาหากินอย่างนี้ยังมีอยู่มีกินไง ไม่ทุกข์ไม่ยากจนเกินไปไงถ้ามันพอเพียงมันพอเพียงที่นี่ไง

เวลาที่ว่ามักน้อยสันโดษมักน้อยสันโดษในคู่ครองของตน มักน้อยสันโดษในการเบียดเบียนเขามักน้อยสันโดษในการไปหยิบฉวยของคนอื่นแต่เวลาถ้าทำเป็นของเราล่ะถ้าทำเป็นของเรานะ เราต้องขยันหมั่นเพียร

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม มนุษย์เราจะล่วงพ้นทุกข์ด้วยความเพียรความเพียรความวิริยะความอุตสาหะมนุษย์เราจะล่วงพ้นทุกข์ด้วยความเพียรความเพียรของเราๆ เรากระทำของเราไงเศรษฐกิจพอเพียงๆ พอเพียงก็ขยันหมั่นเพียรไง ขยันของเราขยันของเราแล้วมันไม่ทุกข์ไม่ร้อนในหัวใจ ถ้ามันไม่ทุกข์ไม่ร้อนในหัวใจมันมีอยู่มีกินน่ะถ้ามันพอเพียงถ้ามันพอเพียงที่กิเลสมันไม่กระตุ้นไง กิเลสมันไม่กระตุ้นว่าต้องเท่าเขาต้องเสมอเขา

นิ้วคนยังไม่เท่ากันอำนาจวาสนาคนมันแตกต่างกัน แต่ความสุขในใจของคนมันมีความสุขความทุกข์เหมือนกันถ้ามีความสุขความทุกข์เหมือนกัน ถ้าเรามีสติปัญญาเรารักษาของเรา มันก็มีความสุขของเราได้ความสุขของเราไม่ต้องไปอยู่บนก้อนเมฆ ที่ว่ามีความสุขๆ ดูสิตึก ๑๐ ชั้น ๑๐๐ชั้น มันก็ไปมีความทุกข์อยู่บนตึกนั่นน่ะ มันจะไปสูงกว่าใครใครจะไปสูงกว่าใคร แต่ถ้ามีคุณธรรมในหัวใจ ถ้าเศรษฐกิจพอเพียงท่านสอนมันก็เป็นหลักธรรมนี่แหละ

ถ้าพูดถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมมา ๒๐๐๐ กว่าปี ศาสนาจะอยู่คงทนไปเรื่อยจนกว่าพระศรีอริยเมตไตรยจะมาตรัสรู้ข้างหน้า ความเป็นธรรมๆ ความเป็นธรรมนะ ถ้าความเป็นธรรมมันพิสูจน์ได้ตลอดเวลา จะพิสูจน์ที่ไหนก็ได้ ความจริงก็เป็นความจริง ความถูกต้องดีงามอยู่ที่ไหนมันก็ความถูกต้องดีงาม จะอยู่บนสวรรค์ อยู่ในนรก อยู่ในอเวจีไหนมันก็เป็นความถูกต้อง บนสวรรค์ สวรรค์ก็ทำคุณงามความดีไง ทำคุณงามความดี ทำคุณงามความดี

เวลาครูบาอาจารย์ท่านบอกสวรรค์มันไม่มีตลาดนะ สิ่งที่จะเป็นได้ เป็นได้เพราะบุญกุศลเพราะบุญกุศลไปแล้วเป็นทิพย์สมบัติ ทิพย์สมบัติแล้วมันก็เสวยทิพย์สมบัติอันนั้นนรกอเวจีมันมาจากไหน ใครยัดเยียดให้นรกอเวจีก็เทวทัตไง เทวทัตมันทำลาย ทำลายเขามาตลอดทำลายเขามาทุกอย่าง คิดว่าจะปกครอง คิดจะแย่งชิง แต่เวลาทำลายเขาแล้ว ผลของมันนรก นี่ไง พิสูจน์ความจริงๆความจริงบนสวรรค์มันก็เป็นความจริงของมัน ความจริงในนรกมันก็เป็นความจริงในนรกนั่นน่ะ

ไม่ได้ทำๆ ดูสิ ติดคุก"ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำ" แต่ไม่ได้ทำ นี่พูดถึงทางกฎหมายแต่ถ้าเป็นกฎแห่งกรรมๆสัจจะ เพราะเราทำเอง เรารู้ความลับไม่มีในโลก เวลาตายไป ตายไปกับความทุกข์ความยากนะ ตายไปก็ด้วยความผูกพันในหัวใจนะ หัวใจมันรู้มันก็ไปตามนั้นน่ะ น้ำหนักของมัน ทำบุญกุศลของเรานะมันจะหนักหน่วงขนาดไหน ถ้าพูดถึงทางโลกเขาติเตียน แต่มันเบาสบายเราไม่ได้ทำ เราทำแต่ความดีความดีมันให้ผล

นี่ไงโลกธรรม ๘ ไงนินทากาเลก็เรื่องของเขาเอ็งจะพูดอย่างไรพูดไปเลย ความจริงมันก็คือความจริง นั่นคือเสียงนั่นคือนินทากาเล นินทาก็คือนินทาไงความจริงก็เป็นความจริงวันยังค่ำ เขานินทาก็เรื่องนินทาของเขา ถ้าเขาส่งเสริม ส่งเสริมถ้าเราไม่ได้ทำมันก็ไม่มีผล ถ้าส่งเสริมๆ ส่งเสริมเยินยอขนาดไหนถ้าไม่เป็นความจริงมันก็ไม่เป็นความจริงไง นั่นเป็นโลกธรรม ๘แต่ถ้าเป็นความจริงก็เป็นความจริง ความลับไม่มีในโลก เราเป็นคนทำ นี่ไงถ้าเราเป็นคนทำนะ ยิ่งประพฤติปฏิบัตินี่ชัดเจนกว่านี้นะ

เราสงสัยกันใช่ไหมว่าเรานั่งกันอยู่นี่เราเกิดมาจากไหนเรามากันจากไหน เวลาจิตมันสงบไปแล้วมันจะไปรื้อค้นของมัน มันจะไปเห็นของมันน่ะ ถ้าไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นทุกคนสงสัยไหม สงสัย คนที่มีความสงสัยบรรลุธรรมได้ไหม คนที่สงสัยบรรลุธรรมได้หรือเปล่า

มันจะบรรลุธรรม มันพ้นจากความสงสัย แล้วมันสงสัยเรื่องอะไรมันเจาะเข้าไปเจาะเข้าไปทุกเรื่อง ทุกเรื่องที่มันสงสัย ศีลสมาธิ ปัญญาภาวนามยปัญญา ภาวนามยปัญญาปัญญาเกิดจากการภาวนา พอปัญญาเกิดจากการภาวนาเป็นปัญญาญาณปัญญาญาณมันจะเจาะเข้าไปในฐีติจิต ฐีติจิตนี่ไง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง มันเจาะเข้าไปถึงฐีติจิตแล้วมันจะมีอะไรปิดลับ มันมีอะไรลึกลับในใจบ้าง ถ้ามันยังมีอะไรลึกลับในใจ แสดงว่าเราติดตรงนั้น แต่ถ้ามันจะทะลวงไปหมดแล้ว มันจะมีอะไรเป็นความลึกลับในใจ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกในศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราแบมือตลอด แบมือตลอดนะสัจธรรมไม่มีความลับ เปิดเผยให้ทุกคนพิสูจน์ พิสูจน์ๆนี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เราจะบอกว่า ๒๐๐๐ กว่าปี ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังคงทนต่อการพิสูจน์ แล้วถ้าใครพิสูจน์นะ นั่นคือธรรมโอสถ ธรรมโอสถจะเข้าไปสำรอก จะเข้าไปคายกิเลสตัณหาความทะยานอยาก

กึ่งพุทธกาลนะหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นท่านพยายามค้นคว้าของท่านเป็นความจริงของท่านในหลวงของเราท่านมีศรัทธามีความเชื่อของท่าน ท่านก็พยายามประพฤติปฏิบัติของท่าน แต่ท่านเป็นผู้ปกครองใช่ไหมท่านก็เสนอทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงใช่ไหมให้ประชาชนมีความสุข มีความพอเพียงในชีวิต

ชีวิตของคน ชีวิตของคนนะ ถ้าเป็นครูบาอาจารย์นะ จริตนิสัยของคนมันไม่เหมือนกันใช่ไหม ความปรารถนาของคนมันไม่เหมือนกันใช่ไหมความต้องการของคนไม่เหมือนกันใช่ไหม จะให้มันเสมอกันได้อย่างไร ถ้าเสมอกันโดยลัทธิคอมมิวนิสต์มันเสมอกันโดยกฎหมาย เสมอกันโดยขีดเส้นไง แต่หัวใจมันไม่เสมอหรอก

แต่ถ้าเป็นธรรมๆ นะจะสูงส่งขนาดไหน ทุกข์จนขนาดไหน เป็นพระอรหันต์เหมือนกันจิตใจสะอาดบริสุทธิ์เหมือนกัน จะยากดีมีจน การประพฤติปฏิบัติขึ้นมาในใจของตนมันจะมีความสุขของมันในใจดวงนั้น แต่เราคิดกันทางวิทยาศาสตร์ไงเห็นเขาแล้วว่าไม่มีความสุขๆ

ในสมัยพุทธกาลนะ มีกษัตริย์มาบวชเวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมา "สุขหนอๆ" ความสุขจากโคนไม้มีความสุขตรงไหนล่ะ จนพระเขาไม่เชื่อ เขาไปฟ้องพระพุทธเจ้าบอกกษัตริย์คงคิดถึงในราชวังถึงได้มาบ่นว่าสุขหนอๆ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรียกมาแล้วถามว่า "เธอพูดอย่างนั้นจริงๆหรือ"

จริง

แล้วเธอรำพันมาว่าสุขหนอๆ

ก็มันสุขจริงๆ

ทำไมถึงสุขล่ะ

โอ้โฮ! เป็นกษัตริย์นะปกครองดูแลในราชวังมีแต่ความทุกข์ทั้งนั้นเลยล่ะ เวลามันละมันวางขึ้นมานะ ถ้าปฏิบัติไม่ได้มันยิ่งทุกข์เข้าไปใหญ่ พอปฏิบัติได้แล้วพอสิ้นกิเลสไปแล้วสุขหนอๆอยู่โคนไม้ก็สุขไง

นี่เราก็มองสิ คนทุกข์คนจนเขามีความทุกข์ความยาก ความทุกข์ความยากมาจากไหนล่ะความทุกข์ความยากคือกิเลสตัณหาความทะยานอยากบีบในหัวใจนั้น แต่ถ้าเขามีคุณธรรมในใจของเขา จะเศรษฐีกุฎุมพีขนาดไหน ถ้าเขามีคุณธรรมในหัวใจของเขาเขามีความสุข

ไม่ใช่เศรษฐีทุกข์ตลอดไป คนจนทุกข์ตลอดไปมันอยู่ที่เศรษฐกิจพอเพียง อยู่ที่ความพอของใจไง อยู่ที่ใจมันพอในหลวงท่านเสนอตรงนี้ไงเสนอตรงที่คนที่มันพอ มันพอแล้วอยู่ตรงไหนล่ะมันพอ เศรษฐีก็พอได้ คนจนก็พอได้ คนไหนก็พอได้ไง ท่านเสนอตรงนี้ ท่านเสนอตรงนี้นะ

เราจะบอกว่า กึ่งพุทธกาล ๒๐๐๐ กว่าปีแล้ว ศาสนานี้ยังคงทนต่อการพิสูจน์ ทีนี้ในหลวงของเราท่านล่วงไปแล้วนะ ท่านเสนอไว้ เศรษฐกิจพอเพียง ถ้าเราระลึกได้ เราจำได้ นี่คือในหลวงในดวงใจของเรา ในหลวงในดวงใจของพวกเราได้สั่งได้สอนไว้ เราอยากจะให้คนระลึกไว้ในหัวใจไง อย่าลืม ให้ฝังใจไว้

นี่ไงศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เสมอภาค ศาสนาที่มีเหตุมีผลไง แต่เวลาในหลวงท่านเข้ามาเสนอของท่าน เห็นไหม ให้ประหยัด ให้มัธยัสถ์ ให้มีความพอ แต่ไม่ใช่ความพอแบบงอมืองอเท้า ถ้างอมืองอเท้า ท่านไม่ทำโครงการพระราชดำริทั่วประเทศหรอกท่านก็ไปช่วยไปเหลือ ไปขวนไปขวายให้ทุกคนมีอาชีพ ให้ทุกคนมีหน้าที่การงาน ให้ทุกคนมีอาหาร มีปัจจัยเครื่องอาศัยเห็นไหม พอเพียงไหม

ในหลวงก็พอเพียง ท่านเป็นเจ้าของทฤษฎีเอง ท่านเป็นเจ้าของทฤษฎีพอเพียงแต่โครงการพระราชดำริเป็นหลายพันโครงการเลยเพราะอยากให้พอเพียงในหัวใจของประชาชนไงท่านก็พอเพียงในใจของท่านแล้ว ท่านถึงได้ทำของท่านได้ไง เพราะท่านประหยัดมัธยัสถ์เป็นตัวอย่าง

เราจะเน้นย้ำว่า อย่าลืม อย่าลืมในหลวงของเราอย่าลืม เอวัง